Share
![cover art for น้อมจิตตริตรึกทางกุศล [6813-2m]](https://open-images.acast.com/shows/63760aac34970700111773f4/show-cover.jpg?height=750)
2 จิตตวิเวก
น้อมจิตตริตรึกทางกุศล [6813-2m]
Season 68, Ep. 13
•
เราตริตรึกคิดนึกไปทางไหน สิ่งนั้นจะมีกำลัง เราจึงต้องมีสติอยู่กับพุทโธ มีกัลยาณมิตร กัลยาณธรรมเพื่อให้จิต อยู่กับกุศลธรรมทั้งทางกาย วาจา ใจ อกุศลลดน้อยลง กุศลธรรมเพิ่มขึ้นๆ ก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ในตัวเรา จากคนไม่ดี กลายเป็นคนดี, คนไม่มีปัญญา กลายเป็นคนมีปัญญา, จิตน้อมมาทางธรรม ทางมรรคมีองค์แปด มากขึ้นๆเรื่อย จนถึงที่หมายคือนิพพานได้ จากการที่เราตริตรึกในพุทโธ ในกุศลตลอดเวลา
More episodes
View all episodes
17. ความเร็วแห่งอายุสังขาร [6817-2m]
01:01:11||Season 68, Ep. 17พิจารณากายด้วยปัญญาว่ากายเป็นเพียงธาตุสี่ ดินน้ำไฟลม มีเกิด-ตาย-เกิด-ตาย ในกายเรา เป็นกระแสของธาตุสี่ เราจึงเห็นเหมือนเป็นตัวตนของเราขึ้นมา หากแต่ถ้าเรามีจิตสงบที่เริ่มจากสติ จะเกิดสมาธิ จะมีปัญญา เห็นตัวเราว่าไม่ใช่ตัวเรา แต่เป็นเพียงกระแสของการเกิด-ดับ-เกิด-ดับ ตลอดเวลา พิจารณาว่ากายนี้ไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน เปลี่ยนแปลงตามเหตุปัจจัย เห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญาซ้ำๆ จะเกิดความหน่าย ละวางกายนี้ลงได้16. ที่พึ่งสุดท้าย [6816-2m]
54:18||Season 68, Ep. 16ตั้งจิตอย่างไร อะไรจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเรา, เมื่อมีสุข ทุกข์ผ่านเข้ามา, แม้ทุกข์ก็ทำให้เกิดกุศลได้ เริ่มจากตั้งจิต ให้ศรัทธาในศีล ปฏิบัติตามธรรมะคือ ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นคือธัมโม, ลงมือปฏิบัติตามนั่นคือสังโฆ, ปฏิบัติแล้วเกิดความรู้ วิชชานั่นคือพุทโธ, ดังนั้น ที่พึ่งสุดท้ายที่จะเป็นที่พึ่งเราได้ คือพึ่งตน พึ่งธรรม คือ พุทโธ ธัมโม สังโฆ15. การเติบโตของสติศรัทธาและปัญญา [6815-2m]
54:31||Season 68, Ep. 15เจริญธัมมานุสติ นำธรรมมะมาตริตรึกเพื่อให้เกิดปัญญาฝึกจิตให้เป็นพืชที่เติบโตได้ คือการสร้างศรัทธาอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม, มีสติเป็นปฏัก ควบคุม การลาก แอก, คันไถ คือปัญญา เพื่อให้ผานขุด เจาะลงไปในดิน, โดยมีน้ำรดพืช คือมีความเพียร, พรวนดินซ้ำๆ ย้ำๆ คือ การบริกรรม พืชก็จะงอกงาม, จิตเราก็จะมีการปรับเสมอๆกันระหว่างศรัทธาและปัญญา, ความเพียรและสมาธิ, มีสติเพิ่มมากยิ่งๆขึ้น จิตก็จะมีกำลังคืออินทรีย์ ในการพิจารณาตริตรึกธรรมะพระพุทธเจ้า ใคร่ครวญซ้ำๆ ก็จะเกิดปัญญา ละอวิชชาได้14. ชรามรณะเป็นประดุจภูเขา [6814-2m]
55:35||Season 68, Ep. 14เจริญอานาปานสติ มรณสติ อยู่อย่างไม่ประมาท อย่างมีปัญญา ด้วยการสร้างเหตุ ที่จะให้ถึงความดับไม่เหลือ แห่งความเกิด ความแก่ ความตาย นั่นคือดำเนินตามมรรคมีองค์ประเสริฐแปดอย่าง ซึ่งเป็นปฏิปทาเพื่อให้เกิดวิชชา, ในช่วงเวลาที่เหลือ, เราจะอยู่ด้วยการ ประพฤติธรรม ประพฤติสม่ำเสมอ สร้างกุศล บำเพ็ญบุญ, เราก็จะพ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ ตายได้ นั่นเอง.12. พุทโธแสงสว่างที่ทำให้พัฒนา [6812-2m]
58:38||Season 68, Ep. 12เจริญพุทธานุสติ เพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้า ว่าเราโชคดีมาก ที่มีโอกาสได้สามสิ่งนี้ คือ 1.การมีพระพุทธเจ้า อุบัติเกิดขึ้นบนโลก 2.การมีคำสอนของพระพุทธเจ้าและยังคงอยู่ 3.การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา ถือเป็นความสว่างอย่างใหญ่หลวง ที่พระพุทธเจ้าสร้างแนวทางในการปฏิบัติ คือ มรรค ให้เราเดินทางเพื่อพัฒนาตัวเอง ให้เกิดแสงสว่างส่องเข้าไปในตัวเรา มีสติ ไม่หลง ไม่เพลิน จึงไม่มีอุปาทาน เกิดปีติ ปราโมทย์ จิตนุ่มนวล อ่อนเหมาะควรแก่การงานพัฒนายิ่งๆขึ้นไป ให้เราตั้งศรัทธาในพระพุทธเจ้า11. พิจารณาความจริง [6811-2m]
59:54||Season 68, Ep. 11พิจารณากาย เพื่อให้เห็นตามความจริงว่า ตัวเราประกอบด้วยขันธ์ทั้งห้า, รูป 1 คือกายเราเกิดจากธาตุสี่(ดิน น้ำ ลม ไฟ), นาม 4 คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ, โดยมีวิญญาณ(การรับรู้) เป็นตัวเชื่อม รูป-นาม, เกิดสังขาร(ปรุงแต่ง)การรับรู้นั้น, แล้วเกิดเวทนาความพอใจ หรือ ไม่พอใจ, แล้วยึดมั่น ถือมั่น(อุปาทาน)นความเพลิน พอใจ ไม่พอใจนั้น, เกิดตัวตนว่าตนพอใจ ตนไม่พอใจขึ้นมา, เกิดสภาวะ(ภพ) เกิดชาติ เกิดเป็นกระแส เกิด-ดับ เกิด-ดับ ต่อเนื่อง ตลอดเวลา, จิตจึงมีการสะสมตามความเพลินพอใจ ตามอุปาทานที่สะสม สะสมเป็นอาสวะ เกิดเป็นจิตขึ้นมา, จิตคืออาสวะ, พิจารณากายด้วยจิตที่เป็นสมาธิแล้วแยกกายเป็นส่วนหนัง ส่วนเนื้อ อวัยวะ กระดูก เอ็น เลือด ส่วนต่างๆออก จะเห็นว่าไม่มีตัวตนในเรา ไม่มีเราในกายนี้, แม้จิตก็ไม่ใช่ของเราเป็นเพียงการสะสมของอาสวะ, เห็นตามความเป็นจริงแบบนี้ต่อเนื่องๆ จะเข้าถึงความดับเย็นคือนิพพานได้.10. ยกระดับจิตด้วยสัมมาสมาธิ [6810-2m]
01:02:04||Season 68, Ep. 10การจะทำให้เกิดวิชชาคือความรู้ได้ ต้องเริ่มจากการมีสัมมาทิฏฐิ เพื่อพัฒนาจาก อวิชชาที่เป็นส่วนบาป ให้เป็นอวิชชาที่เป็นส่วนบุญ คือให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรม มีสติ นั่นคือเกิดสัมมาทิฏฐิ, สัมมาสังกัปปะ, สัมมาวาจา, สัมมากัมมันตะ, สัมมาอาชีวะ, สัมมาสติ แล้ว จากนั้นพัฒนาต่อจากอวิชชาที่เป็นส่วนของบุญ ให้เป็นอวิชชาที่เหนือบุญเหนือบาปหรืออาเนญชะ โดยผ่านสัมมาสมาธิ และสัมมาวายามะ ทำอย่างต่อเนื่องๆ,สัญญา(ความจำได้หมายรู้) จะเปลี่ยนเป็น ญาณ เกิดญาณสามอย่างคือ 1. สัจจญาณ คือรู้อริยสัจสี่: รู้ทุกข์ รู้สมุทัย รู้นิโรธ รู้มรรค 2. กิจจญาณ คือรู้กิจที่ควรทำในอริยสัจสี่: รอบรู้ทุกข์, ละตัณหา, ทำให้แจ้งในนิโรธ, ทำให้เจริญในมรรค 3. กตญาณ คือ รอบรู้ทุกข์ได้แล้ว ละตัณหาได้แล้ว ทำให้แจ้งในนิโรธได้แล้ว ทำให้เจริญในมรรคได้แล้ว นั่นคือถึงที่หมายคือนิพพานแล้ว ด้วยสัมมาสมาธิที่มีกำลัง.9. ความสุขสี่ระดับ [6809-2m]
54:55||Season 68, Ep. 9พัฒนาจิตด้วยปัญญา เพิ่มทีละขั้นๆ ด้วยการเห็นโทษ ของฌานสมาธิขั้นที่ได้ และเห็นประโยชน์ของฌานสมาธิขั้นที่สูงกว่า ทำซ้ำ ๆ โดยเริ่มจาก ฌานที่หนึ่ง ปฐมฌาน จิตสงบ จิต สติ ลมหายใจอยู่ด้วยกันเกิด สมาธิ มีวิตก วิจาร ปีติ สุขจากสมาธิ ละกาม-พยาบาท-เบียดเบียนฌานที่สอง ทุติยฌาน จิตละเอียด เหลือแต่ปีติ สุข ละวิตก วิจารดับฌานที่สาม ตติยฌาน จิตละเอียดยิ่งขึ้น เกิดอุเบกขา และสุขจากอุเบกขานั้นฌานที่สี่ จตุตถฌาน จิตละเอียดยิ่ง ๆ ขึ้นไปเกิดอุเบกขาโดยไม่มีเวทนาใด ๆ